Miss Gloy Style

ความตั้งใจของทริปนี้ คือการได้ไปปฏิบัติธรรม หลังจากเที่ยววันที่มาถึงแล้ว นอนโฮสเทล 1 คืนแล้ว ช้อปปิ้งแล้ว ช่วงบ่ายของวันที่ 2 เราก็เข้าศูนย์ปฏิบัติธรรม ศูนย์ปฏิบัติธรรมที่นี่ชื่อว่า ธรรมโชติ เป็นการสอนโดยท่านอาจารย์โกเอ็นก้าและอาจารย์ผู้ช่วย ตามแนวทางของท่านอาจารย์อูบาขิ่น เราเกือบทุกคนล้วนเป็นศิษย์เก่า คือเคยปฏิบัติมาก่อนแล้วที่เมืองไทย สมัครผ่านทางเน็ต พอเขาตอบรับในเวลาไม่เกิน 1 เดือน เราจึงได้ตั๋วเครื่องบินในราคาถูก เพราะจองล่วงหน้านานทีเดียว เมื่อเข้าไปถึง เราจะสัมผัสได้ถึงความเย็นของที่นี่ เพราะต้นไม้มาก และเราไปในฤดูฝน ใครที่เป็นภูมิแพ้หรือไม่ถูกกับฝนไม่แนะนำให้มาฤดูนี้ ฝนตกหนักมากจริง ๆ (พี่ป่วยตั้งแต่วันที่ 2 เรียกว่าทรมานเลยทีเดียว) พอเข้าไปเราทุกคนต้องกรอกข้อมูลลงทะเบียน มีสัมภาษณ์จากผู้จัดการศูนย์นิดหน่อย เก็บของมีค่าไว้ในล็อกเกอร์แล้วก็เข้าที่พักได้ ก่อนจะถึงที่พัก สำหรับผู้หญิงจะต้องผ่าน Dhamma Hall ส่วนผู้ชายอยู่ก่อนจะถึง ผู้ชายเลยเดินไม่ไกล ทางเข้าไม่สะดวกมากนัก ทางลากกระเป๋าค่อนข้างขรุขระ แต่ไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด แล้วเราก็มาถึง D...

หลังจากตื่นนอน เก็บของได้พอประมาณ เราเลือกที่จะไม่กินมื้อเช้าที่โฮสเทลจัดให้ เดินค่ะ ออกเดินจะไปช้อปปิ้ง คาดว่าเจออะไรระหว่างทางก็กินอันนั้น เดินมาได้ไม่ถึงโล มีร้านข้าวที่ดูน่าสะอาดและหน้าตาดีใช้ได้ สั่งเลยจ๊ะ ชี้เอา ได้เหมือนข้าวอบถั่วชิคพีมา 1 จาน ไก่อบ 1 จาน กุนเชียงและไข่ดาว มีสั่งเพิ่มคือปาท่องโก๋อีกอย่าง ร้านนี้อร่อยสุดที่อยู่พม่า เดินมาอีกนิดเจอร้านชากับขนม แวะดื่มชาซะเลย ที่นี่ชานมเขาอร่อยดีนะ (ชอบส่วนตัว) หอมดี แล้วไม่หวานมาก พอกินอิ่มแล้วก็เดินไปช้อปปิ้งที่ตลาดสก็อต เดินไกลโข แต่ก็เดิน ขออภัยไม่ได้ถ่ายรูปตึกตลาดนี้มาให้ดู ฝนตก รีบเข้าไปข้างใน ตลาดสก็อตรับทั้งเงินดอลล่าร์ เงินพม่า เงินไทย จ่ายเงินสนุกมาก พอเสร็จจากช้อปปิ้งที่นี่ก็กลับโฮสเทล เก็บของและไปที่ปฏิบัติธรรม พรุ่งนี้มาเล่าต่อจ๊ะ :)

เสาร์ที่ผ่านมา (20 สิงหาคม 2559) ไปกินร้านนี้ "เสี่ยมล้อ" รสชาติจัดจ้านถูกใจ (ต้มยำน้ำข้น) คนชอบรสจัดน่าจะชอบค่ะ มีเมนูมากมายที่เป็นเส้น และไม่ใช่เส้น หนึ่งในนั้นคือยำปาท่องโก๋ แปลกดี เพิ่งเคยกิน เอาเป็นว่าอร่อยค่ะ บริการดี แต่หาที่จอดรถยากไปนิด ใครชอบแนวนี้ เข้าไปดูแผนที่ในเฟสบุ๊คของร้านเลยค่ะ  https://www.facebook.com/SiamlorCM **ขออภัยที่จะไม่แก้ไขข้อมูล หากร้านย้ายที่ตั้งหรือปิดกิจการ**

ไปถึงก็หิวแล้ว เสียเวลาเช็คอินเก็บของอีก ทุกคนเริ่มโมโหหิว แต่ก็ยังเลือกไปกินร้านที่คนขับแท็กซี่บอกว่าดี และคนไทยรีวิวกันไว้ก่อน ร้านนี้คือร้าน "Feel" เห็นเมนูก็มึนกันไป พยายามดูโต๊ะอื่น แต่เขาก็มีเมนูที่มีรูปให้ดู ใช้ระบบชี้กันเลย ของทอดที่นี่อร่อย ทอดกันด้านหน้าร้าน หอมคละคลุ้งจรุงใจ สั่งเมนูนี้มา เขาบอกว่าชื่อก๋วยเตี๋ยวปลา แต่เส้นเป็นเหมือนเส้นขนมจีนบ้านเรา ซุปข้นมีไข่ และมีปาท่องโก๋กรอบ ๆ อยู่ในนี้ แต่ปลามีไหน ไม่รู้ แล้วก็มีคนสั่งข้าวอะไรสักอย่าง อร่อยดี แต่ถามว่าถูกปากกินได้ตลอดไหมก็ไม่ค่ะ ราคารวมกินกัน 7 คน อยู่ที่ประมาณสองหมื่นจ๊าด ถือว่าราคาอาหารไม่แพงเลยถ้าเทียบกับที่กินไป (ที่ถ่ายมาแค่ 2 คนกิน) พอเลิกจากการเที่ยว มื้อเย็นเราไปฝากท้องกันที่ร้านริมถนน บริเวณนี้เรียกว่าไชน่าทาวน์ ไม่เห็นคนจีน แต่เขาว่างั้น มีผักผลไม้เพียบ เราเลือกร้านที่ขายผักย่าง ทาอะไรไม่รู้หวาน ๆ น้ำจิ้มก็ไม่จัดจ้านแบบไทยเรา แต่ก็กินกันไปเยอะอย่างที่เห็น ขากลับที่พักก็มีร้านขายดอกไม้มากมาย อาบน้ำแล้วหลับกัน มาต่อวันพรุ่งนี้นะจ๊ะ ...

พอเข้าที่พักแล้วเราไปหาที่กินกันก่อน แต่เนื่องจากว่ามีคนสนใจที่เที่ยวมากกว่า เลยขอเอาสถานที่ที่เราไปเที่ยววันแรกมาฝากกันค่ะ ไปถึงก็บ่ายละ พออิ่มก็ไปที่นี่เลยสิ จะช้าได้ยังไง "พระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากอง" ค่าเข้า 8,000 จ๊าด เป็นที่ตื่นตาตื่นใจ อลังการงานสร้าง ดีใจที่ได้ไป ดีใจที่ความตั้งใจและคำอธิษฐานเป็นจริง ถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ หากท่านเป็นผู้หนึ่งที่เดินทางแสวงบุญ สถานที่แห่งนี้จะทำให้ท่าตื้นตันใจ (คนไทยไปเที่ยวเยอะทีเดียว) ขึ้นลิฟต์ไป พออกมาก็เจอทางจะเข้าไปที่เจดีย์แบบนี้ ถึงแล้วก็กราบกันไป ให้สมกับที่ได้มา มีคล้าย ๆ ศาลาที่ประดิษฐานพระพุทธรูปแบบนี้หลายมุมมาก สามารถไปไหว้พระขอพรและนั่งหลบแดดได้ค่ะ จากนั้นเราก็ไปวัดพระนอนตาหวานหรือ วัด  Kyauk Htat Gyi  ถามกันจนเมื่อยมือ แต่แท็กซี่ก็ขับไปถูกแหละ เก่งจริง ๆ ที่นี่ไม่กว้าง เดินไม่กี่นาทีก็กลับได้ ถ้าได้มาอย่าลืมไปดูขนตา งอนมากทีเดียวค่ะ และดวงตาก็มีความหยาดเยิ้มให้ชวนแปลกใจว่าทำได้ยังไงอีกด้วย  คณะเราอยู่ครึ่งชั่วโมง ก็กลับไปหาข้าวเย็นกันแล้วค่ะ

กลับมาต่อเรื่องที่พัก แม้กลุ่มเราจะไปกัน 13 วัน แต่นอนที่โฮสเทลเพียงวันเดียวเท่านั้น ที่เหลือนอนที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมค่ะ เราจองไปจากเมืองไทยผ่าน Airbnb ได้ราคาประมาณ 600 บาท เป็นห้องแบบ 10 เตียง ห้องน้ำรวม แน่นอนว่าไม่มีลิฟต์ กระเป๋าใบใหญ่ขนกันหลังจะหัก ตอนจองไม่ได้ดูให้ดีดี ว่านอนรวมชายหญิง ทุกคนเลยนอนแบบหวาดระแวง เพราะมีผู้ชายฝรั่งอยู่ 4 คน เรา 6 คนนอนห้องนี้ ส่วนเพื่อนอีก 1 คน จองมาทีหลังเลยไปนอนห้อง 4 เตียง การนอนห้องรวมเป็นเรื่องที่น่ากลัวสำหรับคนที่ไม่เคย แต่ถ้าเคยแล้วก็ไม่เป็นอะไรนะ ในความเป็นจริง เขาก็กลัวเรา พอ ๆ กับเรากลัวเขาน่ะแหละ ไม่ว่าจะหญิงหรือชาย แต่การได้นอนร่วมห้องกับคนต่างชาติ คนไทยอย่างเราอาจจะหงุดหงิดไปบ้าง เพราะห้องเป็นพื้นไม้เจอฝรั่งเดินลงส้นหนัก แถมกลับมาดึก เราก็เลยไม่ค่อยได้นอนกัน คนที่หลับยากแนะนำว่าโฮสเทลไม่เหมาะกับท่าน โฮสเทลนี้ เตียงชั้น 2 ขึ้นยาก ต้องปีนเก่งและมีความอ่อนวัย มีห้องนั่งเล่น 1 ห้อง พวกเราเดินผ่าน เอาเวลาที่จะมานั่งเล่นไปเดินเที่ยวดีกว่า ส่วนมื้อเช้า เราก็ไม่กิน เพราะออกไปสัมผัสอาหารแบบพม่าที่ข้างถนนแทน เอ...

ประเทศที่ตั้งใจอยากจะไปในช่วงปีสองปีที่ผ่านมา หนีไม่พ้นประเทศพม่า เพราะมีความตั้งใจอยากจะไปปฏิบัติธรรมส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งก็อยากจะไปไหว้พระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากอง พอรู้แน่นอนว่าจะได้ไปปฏิบัติธรรมช่วงเดือนไหนแล้วและสามารถสมัครได้ก็ส่งใบสมัครสำหรับการปฏิบัติธรรมไปเลย พอผ่านปุ๊บก็จองที่พักผ่าน Airbnb เป็นที่พักแบบโฮสเทล คืนละ 600 กว่าๆ และจองตั๋วเครื่องบินของสายการบินนกแอร์ โชคดีที่ได้ตั๋วโปรมา ราคาไปกลับอยู่ที่ประมาณ 2,300 บาท พอใกล้ ๆ จะเดินทางก็ทำประกันการเดินทาง ทีนี้ก็เดินทางได้แล้ว พอเรียบร้อยจาก ตม. ก็ไปแลกเงินกัน เงินดอลลาห์สหรัฐ เอาไปแลกนั้นต้องโครตใหม่ ห้ามพับ ห้ามยับ นานาประการ แต่เงินจ๊าดพม่าที่เราได้มานั้นจะมีตั้งแต่ใหม่ไปจนถึงเก่ามากที่สุด ซึ่งก็ต้องรับมาเพราะมันใช้ได้ ไม่เหมือนเงิน USD ที่เขากลัวว่าจะเป็นแบงค์ปลอม  ออกมาจากสนามบินได้ กลุ่มเราที่มีกัน 7 คนก็ใช้บริการแท็กซี่สนามบินเพื่อส่งพวกเราไปยังที่พัก โชคดีได้รถตู้ คนขับรถตู้ใจดี แนะนำร้านอาหาร และที่ท่องเที่ยว คนขับคนนี้ยังเป็นคนที่จะพาเราเที่ยววันกลับอีกด้วย ..... ซึ่งจะเล่าต่อในวันถัดไป ทั้งอาหาร ...